วิถีลูกหนัง! อนาวิน เผยเหตุโยกค้าแข้งลีกมาเลย์

ข่าวกีฬาวันนี้ อนาวิน จูจีน วิงแบ็คชาวไทย เปิดใจถึงสาเหตุตัดสินใจบอกลาไทยลีกเพื่อย้ายไปค้าแข้งกับ เปตาลิง จายา ซิตี้ สโมสรในศึกมาเลเซีย ซูเปอร์ลีก ในฤดูกาล 2020
แข้งวัย 33 ปี ลงเล่นให้ พีทีที ระยอง ในฤดูกาล 2019 อย่างไรก็ตาม พลังเพลิง ขอประกาศพักทีม ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจบินไปค้าแข้งแดนเสือเหลือง โดยเซ็นสัญญากับ เปตาลิง จายา ซิตี้ เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ลงสนามให้กับต้นสังกัดใหม่ เนื่องจากติดสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19
“ผมอยากจะรู้ว่าฟุตบอลในต่างประเทศนั้นเป็นอย่างไร ผมบอกเอเย่นต์ของผมให้มองหาตัวเลือกนอกประเทศ ผมต้องการท้าทายตัวเอง ผมคิดว่านักฟุตบอลควรที่จะออกจาก comfort zone ของตัวเองนะ” วิงแบ็คป้ายแดง เปตาลิง จายา ให้สัมภาษณ์กับ The Star สื่อดังของมาเลเซีย

“เอเย่นต์ของผมบอกว่า PJ City กำลังมองหานักเตะในโควตาอาเซียนมาร่วมทีม เขาบอกว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีการจัดการอย่างเป็นมืออาชีพดีที่สุดสโมสรหนึ่งในมาเลเซียและยังมีความทะเยอทยานสูงอีกด้วย”
“ท้ายที่สุด ผมก็ได้ทำตามความฝันในการเล่นให้กับทีมต่างประเทศ แม้ว่าผมจะยังไม่ได้ประเดิมสนามเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส ผมก็ได้เตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอทันทีที่การแข่งขันกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง หลายคนพูดถึงช่วงเวลาของผมกับ บางกอกกล๊าสและบุรีรัมย์ และคิดว่าจะใช้ประสบการณ์ตรงนี้ช่วย PJ City แต่ผมคิดว่าฟุตบอลนั้นเหมือนกันทุกที่บนโลกนี้”

“การได้ลงเล่นในฐานะทีมนั้นสำคัญที่สุด” อนาวิน กล่าวต่อ “นักเตะหนึ่งคนไม่สามารถสร้างทีมได้ โดยปราศจากทีมเวิร์ค คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จได้หรอก ตอนอยู่ประเทศไทย ผมทุ่มเทเต็มร้อยในทุก ๆ เกม และคุณคาดหวังในตัวผมแบบนั้นได้เลยในมาเลเซีย”
“เราต้องทำงานหนักเป็นทีม ดังนั้น ผมแน่ใจว่าพวกเราจะทุ่มเทแรงกายอย่างเต็มที่เมื่อลีกกลับมาแข่งขันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ เราต้องเผชิญหน้ากับไวรัสก่อน เราต้องเชื่อฟังคำสั่งของรัฐบาลและกำจัดเชื้อโควิด-19 ออกไปให้ได้ แล้วเราจึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตของพวกเราต่อไป”
“สำหรับผม ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะผูกเชือกรองเท้าและได้ลงเล่นในซูเปอร์ลีก” อนาวิน ปิดท้าย
สำหรับ อนาวิน จูจีน เคยผ่านการเล่นในไทยกับ สโมสรธนาคารกรุงไทย , บางกอกกล๊าส โดยย้ายไปประสบความสำเร็จกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ช่วยทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 3 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย และ ลีกคัพ 2 สมัย ก่อนย้ายไปอยู่กับ สุพรรณบุรี เอฟซี และ พีทีที ระยอง ตามลำดับ